เมนู

12. เรื่องพระเทวทัต [12]


ข้อความเบื้องต้น


พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวัน ทรงปรารภพระเทวทัต
ตรัสพระธรรมเทศนานี้ว่า "อิธ ตปฺปติ เปจฺจ ตปฺปติ" เป็นต้น

เจ้าศากยะ 6 พระองค์ทรงผนวช


เรื่องพระเทวทัต พระศาสดาตรัสชาดกทั้งหมด ที่ทรงปรารภ
พระเทวทัตให้พิสดารแล้ว ตั้งแต่เวลาผนวชถึงถูกแผ่นดินสูบ. ก็ความย่อ
ในเรื่องพระเทวทัตนี้ ดังต่อไปนี้ :-
เมื่อพระศาสดา ทรงอาศัยนิคมชื่ออนุปะยะแห่งมัลลกษัตริย์ ประทับ
อยู่.ที่อนุปิยอัมพวันนั่นแล, ในวันรับพระลักษณะแห่งพระตถาคตนั้นเทียว
ตระกูลพระญาติแปดหมื่นมอบพระโอรสแปดหมื่นให้ ด้วยคำว่า "สิทธัตถ-
กุมาร จงเป็นพระราชาก็ตาม เป็นพระพุทธเจ้าก็ตาม, จักมีกษัตริย์เป็น
บริวารเที่ยวไป," เมื่อพระโอรสเหล่านั้นผนวชแล้วโดยมาก, เหล่า
พระญาติเห็นศากยะ 6 พระองค์นี้ คือ ภัททิยราชา อนุรุทธะ อานันทะ
ภคุ กิมพิละ เทวทัต ยังมิได้ผนวชจึงสนทนากันว่า "พวกเรายังให้ลูก ๆ
ของตนบวชได้, ศากยะทั้ง 6 นี้ ชะรอยจะไม่ใช่พระญาติกระมัง ?
เพราะฉะนั้น จึงมิได้ทรงผนวช."
ครั้งนั้น เจ้ามหานามศากยะ เข้าไปหาเจ้าอนุรุทธะ ตรัสว่า "พ่อ
ผู้ออกบวชจากตระกูลของเรายังไม่มี, น้องจักบวช หรือว่า พี่จักบวช,"
ก็เจ้าอนุรุทธกุมารนั้น เป็นกษัตริย์ผู้สุขุมาล มีโภคะสมบูรณ์ แม้คำว่า

"ไม่มี" พระองค์ก็ไม่เคยทรงสดับ. จริงอยู่ วันหนึ่งเมื่อกษัตริย์ 6 พระองค์
นั้น ทรงเล่นกีฬาลูกขลุบอยู่, เจ้าอนุรุทธะทรงปราชัยด้วยขนมแล้ว ส่ง
(คน) ไปเพื่อต้องการขนม. คราวนั้น พระมารดาของท่านทรงจัดขนม
ส่งไป. กษัตริย์ทั้งหกเสวยแล้วทรงเล่นกันอีก. เจ้าอนุรุทธะนั้นแล เป็น
ฝ่ายแพ้ร่ำไป. ส่วนพระมารดา เมื่อพระองค์ส่งคนไป ๆ ก็ส่งขนมไป
ถึง 3 ครั้ง ในวาระที่ 4 ส่งไปว่า "ขนมไม่มี." พระกุมารทรงสำคัญ
ว่า "ขนมแม้นี้ จักเป็นขนมประหลาดชนิดหนึ่ง" เพราะไม่เคยทรงได้
ยินคำว่า "ไม่มี" จึงส่งคนไปว่า " จงนำขนมไม่มีนั่นแลมาเถอะ ."
ฝ่ายพระมารดาของท่าน เมื่อเขาทูลว่า " ข้าแต่พระแม่เจ้า ได้
ยินว่า พระองค์จงประทานขนมไม่มี," จึงทรงพระดำริว่า "ลูกของเรา
ไม่เคยได้ยินบทว่า 'ไม่มี,' แต่เราจักให้รู้ความนั่นด้วยอุบายนี้" จึงทรง
ปิดถาดทองคำเปล่าด้วยถาดทองคำอื่นแล้วส่งไป.
เหล่าเทวดาที่รักษาพระนครคิดว่า " เจ้าอนุรุทธศากยะได้ถวายภัต
อันเป็นส่วนตัวแด่พระปัจเจกพุทธเจ้านามว่าอุปริฏฐะ ในคราวที่ตนเป็น
นายอันนภาระ ทรงทำความปรารถนาไว้ว่า ' ขอข้าพเจ้าจงอย่าได้สดับ
คำว่า 'ไม่มี,' อย่ารู้สถานที่เกิดแห่งโภชนะ,' ถ้าว่าเจ้าอนุรุทธะนี้ จัก
ทรงเห็นถาดเปล่าไซร้, พวกเราก็จักไม่ได้เข้าไปสู่เทวสมาคม, ทั้งศีรษะ
ของพวกเราก็จะพึงแตก 7 เสี่ยง." ทีนั้น จึงได้ทำถาดนั้นให้เต็มด้วย
ขนมทิพย์ เมื่อถาดนั้นพอเขาวางลงที่สนามเล่นขลุบแล้วเปิดขึ้น, กลิ่น
ขนมก็ตั้งตลบไปทั่วทั้งพระนคร. ชิ้นขนม แต่พอกษัตริย์ทั้งหกหยิบ
เข้าไปในพระโอฐเท่านั้น ก็แผ่ซ่านไปทั่วประสาทรับรสทั้งเจ็ดพัน.
พระกุมารนั้นทรงพระดำริว่า "เราคงจะไม่เป็นที่รักของพระมารดา,

พระมารดาจึงไม่ทรงปรุงชื่อขนมไม่มีนี้ประทานเรา ตลอดเวลาถึงเพียงนี้,
ตั้งแต่นี้ไป เราจักไม่กินขนมอื่น," ดังนี้แล้ว เสด็จไปสู่ตำหนัก ทูลถาม
พระมารดาว่า "เจ้าแม่ หม่อมฉันเป็นที่รักของเจ้าแม่หรือไม่เป็นที่รัก ?"
ม. พ่อ พ่อย่อมเป็นที่รักยิ่งของแม่ เสมือนนัยน์ตาของคนมีตา
ข้างเดียว และเหมือนดวงใจ (ของแม่ ) ฉะนั้น.
อ. เมื่อเช่นนั้น เหตุไร เจ้าแม่จึงไม่ทรงปรุงขนมไม่มี ประทาน
แก่หม่อนฉันตลอดเวลาถึงเพียงนี้เล่า เจ้าแม่.
พระนางรับสั่งถามมหาดเล็กคนสนิทว่า "ขนมอะไร ๆ มีอยู่ใน
ถาดหรือ พ่อ. เขาทูลว่า " ข้าแต่พระแม่เจ้า ถาดเต็มเปี่ยมด้วยขนม,
ชื่อว่าขนมเห็นปานนี้ กระหม่อมฉันก็ยังไม่เคยเห็นแล้ว." พระนางทรง
พระดำริว่า "บุตรของเราจักเป็นผู้มีบุญ มีอภินิหารได้ทำไว้แล้ว, เทวดา
ทั้งหลายจักใส่ขนมให้เต็มถาดส่งไปแล้ว. ลำดับนั้นพระโอรสจึงทูลพระ-
มารดาว่า "เจ้าแม่ ตั้งแต่นี้ไป หม่อมฉันจักไม่เสวยขนมอื่น, ขอเจ้าแม่
พึงปรุงแต่ขนมไม่มีอย่างเดียว." ตั้งแต่นั้นมา แม้พระนาง เมื่อพระกุมาร
นั้นทูลว่า "หม่อมฉันต้องการเสวยขนม" ก็ทรงครอบถาดเปล่านั่นแล
ด้วยถาดอื่น ส่งไปประทานพระกุมารนั้น. เทวดาทั้งหลายส่งขนมทิพย์
ถวายพระกุมารนั้นตลอดเวลาที่ท่านเป็นฆราวาส.1

เจ้าทั้งสองสนทนากันถึงเรื่องบวชและการงาน


พระกุมารนั้นเมื่อไม่ทรงทราบแม้คำมีประมาณเท่านี้ จักทรงทราบ
ถึงการบวชได้อย่างไร ? เพราะฉะนั้น พวกกุมารจึงทูลถามพระภาดาว่า
การบวชนี้เป็นอย่างไร ?" เมื่อเจ้ามหานามตรัสว่า "ผู้บวช ต้องโกนผม

1. อคารมชฺเฌ วสิ. ประทับอยู่ในท่ามกลางเรือน.